ประวัติ ของ เจเคเอ็น 18 บาย ท็อปนิวส์

เดลินิวส์ทีวี

บริษัท เดลินิวส์ทีวี จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท นิวช้อป จำกัด) เป็นผู้ที่เริ่มประกอบกิจการโทรทัศน์ของเครือเดลินิวส์ครั้งแรก โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554[1] และทดลองออกอากาศสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมชื่อว่า เดลินิวส์ ทีวี (อังกฤษ: Daily News TV) ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม[2] โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555[3] แต่เนื่องจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตช่วงหน้าอาคารที่ทำการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเดลินิวส์ ทีวี ในขณะนั้น ก็เป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยดังกล่าวด้วยเช่นกัน จึงส่งผลกระทบให้เดลินิวส์ทีวีต้องเลื่อนการออกอากาศปฐมฤกษ์มาเป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555[4]

นิวทีวี

หลังจากเข้าประมูลช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ประเภทธุรกิจระดับชาติจาก กสทช. เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งเครือเดลินิวส์ได้ส่ง บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ จำกัด เข้าประมูล และได้ช่องหมายเลข 18 เดลินิวส์ทีวีจึงได้โอนกรรมสิทธิ์การประกอบกิจการโทรทัศน์ไปยังดีเอ็น บรอดคาสต์ และเปลี่ยนชื่อช่องเป็น นิวทีวี (อังกฤษ: new)tv) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป[5]

ในระยะแรก นิวทีวีออกอากาศรายการสารคดีตลอดทั้งวันสลับกับข่าวต้นชั่วโมง ต่อมาในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ฝ่ายข่าวกีฬาเดลินิวส์ได้จัดรายการพิเศษเพื่อรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของฟุตบอลโลก โดยช่วงนั้นนิวทีวียังไม่มีการออกอากาศรายการข่าว นอกเหนือจากสารคดีสลับกับข่าวต้นชั่วโมงซึ่งออกอากาศอย่างต่อเนื่อง จนกลางปีเดียวกัน นิวทีวีจึงกลับมาออกอากาศรายการข่าวเต็มรูปแบบอีกครั้ง

ต่อมาในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559 นิวทีวีได้ย้ายที่ตั้งของสถานีจากอาคารที่ทำการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ไปยังอาคารแห่งใหม่ที่เลขที่ 818 ซอยแบริ่ง 19 หมู่ที่ 2 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10270 โดยได้เปิดการใช้งานการเชื่อมต่อระบบออกอากาศอย่างเป็นทางการในเวลา 00:01 น. ของวันเดียวกัน[6]

นิว 18

และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 นิวทีวีได้ปรับโฉมสถานีใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อช่องเป็น นิว 18 (อังกฤษ: NEW 18)[7] ซึ่งได้มีการเปิดตัวชื่อนี้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560 และในปี พ.ศ. 2561 ได้มีการปรับโครงสร้างของบริษัทและนโยบายของช่องใหม่ เพื่อเน้นการออกอากาศสารคดี โดยเฉพาะสารคดีชุดสำรวจโลกของบริษัท เนกซ์สเตป จำกัด โดยยังมีรายการข่าวเป็นองค์ประกอบเสริม จึงมีการปลดพนักงานฝ่ายข่าวออกบางส่วน[8]

ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 ได้มีการออกอากาศรายการข่าวจากช่องฟ้าวันใหม่คู่ขนานไปด้วย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม และได้นำรายการสารคดีออกไปเกือบทั้งหมด[9] แต่ออกอากาศได้เพียง 5 เดือน นิว 18 ก็กลับมาออกอากาศสารคดีตามปกติ

ในวันที่ 1 มิถุนายน ปีเดียวกัน นิว 18 ได้ย้ายโครงข่ายโทรทัศน์จาก MUX#5 ของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ไปยัง MUX#4 ของไทยพีบีเอส[10]

ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเดียวกัน มีข่าวว่า สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และกลุ่มผู้ประกาศข่าวที่ลาออกจากเนชั่นทีวีในช่วงเดียวกันที่มีอุดมการณ์สุดโต่ง และมักนำเสนอข่าวสารเพื่อด้อยค่าและทำลายฝ่ายตรงข้าม จะเข้ามาจัดรายการทางช่องนิว 18 และเริ่มงานในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563[11] แต่สุดท้ายผังรายการในเดือนธันวาคมของนิว 18 ก็ยังคงเป็นรูปแบบเดิม[12] ต่อมากนกชี้แจงว่าวันดังกล่าวกลุ่มของตนยังไม่ได้เริ่มงาน[13] อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 ธันวาคม ก็มีข่าวอีกว่า ผู้บริหารของดีเอ็น บรอดคาสต์ ได้เจรจาขายใบอนุญาตของช่องนิว 18 ให้กลุ่มของสนธิญาณไปบริหารต่อ โดยมีชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ เป็นคนกลางในการเจรจา โดยสนธิญาณได้สั่งซื้อโฆษณาระยะยาวจากบริษัท 6-7 บริษัท ซึ่งจะทำรายได้ให้สถานีรวมกว่า 800 ล้านบาท และเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินกิจกรรมของผู้บริโภค แม้การนำบุคลากรกลุ่มสุดโต่งมาร่วมงานกับนิว 18 อาจจะนำมาซึ่งการดำเนินกิจกรรมของผู้บริโภคเพื่อให้ผู้สนับสนุนโฆษณาเหล่านี้เลิกให้การสนับสนุน เป็นการตัดรายได้ของช่องในทางหนึ่ง (ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับช่องเนชั่นทีวีในช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคม ปีเดียวกัน)[14] แต่ต่อมา เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการบริหารข่าวของนิว 18 ในขณะนั้นได้ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว และในวันที่ 21 ธันวาคม ที่ข่าวระบุว่ากลุ่มสนธิญาณจะเข้าไปบริหาร ยังคงเป็นผังเดิม และกราฟิกโปรโมทไม่ได้จัดทำขึ้นโดยทีมของนิว 18[15] ต่อมา อัญชะลี ไพรีรัก หนึ่งในผู้ประกาศข่าวในกลุ่มของสนธิญาณจะปฏิเสธข่าวดังกล่าวอีกครั้ง และเลื่อนการเปิดตัวทีมข่าวของตนออกไป[16] ปัจจุบันกลุ่มนี้ได้ก่อตั้งท็อปนิวส์เพื่อทำรายการข่าวออกอากาศทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและสื่อสังคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถตกลงในรายละเอียดกับนิว 18 ได้[17]

จากผลกระทบที่เกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง ทำให้นิว 18 มีรายได้ลดลงอย่างมากเนื่องจากมีการดำเนินกิจกรรมของผู้บริโภคจนมีผู้สนับสนุนถอนตัวออกจากนิว 18 ไปเป็นจำนวนมาก ทำให้นิว 18 ต้องปรับผังรายการใหม่เพื่อสร้างรายได้[18] โดยทำสัญญาควบคุมการออกอากาศกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ของจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ตลอดเวลาออกอากาศเป็นระยะเวลาเบื้องต้น 2 เดือน (รวมถึงออกอากาศคู่ขนานบางรายการจากเจเคเอ็นทีวี) เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 00:01 น. ส่วนรายการประจำที่มีอยู่เดิมจะย้ายไปออกอากาศในช่องทางออนไลน์ทั้งหมด[17] โดยเจเคเอ็นได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าเป็นการทำข้อตกลงให้บริษัท เจเคเอ็น นิวส์ จำกัด เช่าเวลาไม่เกิน 40% เพื่อออกอากาศรายการข่าว และที่เหลือเป็นการร่วมผลิตรายการ โดยกระบวนการเป็นไปตามกฎระเบียบของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทุกประการ[19] และเป็นการปฏิเสธข่าวลือในช่วงแรกของการเข้าควบคุมการออกอากาศของเจเคเอ็นที่ กสทช. ได้ให้เจ้าพนักงานร้องขอข้อมูลไปยังนิว 18 เพื่อตรวจสอบข่าวการให้เช่าเวลาออกอากาศทั้งสถานี[20]

เจเคเอ็น 18

วันที่ 9 เมษายน จักรพงษ์ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 เมษายน ให้เจเคเอ็นเข้าซื้อกิจการและหุ้นสามัญจดทะเบียนของดีเอ็น บรอดคาสต์ ผู้รับใบอนุญาตของช่องนิว 18 รวมถึงอาคารสำนักงานของช่องและอุปกรณ์การออกอากาศทั้งหมด จากกลุ่มผู้บริหารของเดลินิวส์ คิดเป็นมูลค่า 1,060,000,000 บาท[21] และจ่ายอีก 150,000,000 บาท ให้แก่ กสทช. เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม เพื่อเข้าบริหารทีวีดิจิทัลภายใต้ใบอนุญาตใบเดิมจาก กสทช.[22] รวมทั้งสิ้น 1,210,000,000 บาท ทำให้ดีเอ็น บรอดคาสต์ กลายเป็นบริษัทย่อยของเจเคเอ็น และเจเคเอ็นมีสิทธิ์ในการบริหารผังรายการของช่องนิว 18 ได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการแข่งขันให้แก่ธุรกิจการพาณิชย์ และสร้างรายได้ให้เจเคเอ็นมากขึ้น[21] โดยจะมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทผู้รับใบอนุญาต และจะมีการเปลี่ยนชื่อสถานีเป็น เจเคเอ็น 18 (อังกฤษ: JKN18) โดยไม่มีการปลดพนักงานเดิมออก โดยแอนได้ถ่ายทอดสดแถลงผ่านทางเฟซบุ๊กของตัวเองเมื่อช่วงค่ำของวันเดียวกัน[23]

วันที่ 19 เมษายน เจเคเอ็นได้ประกาศแผนการตลาดของตนในรูปแบบใหม่เป็น "Content Commerce Company" โดยดึงเนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มผู้บริโภคมาต่อยอดสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ และใช้ช่องเจเคเอ็น 18 เป็นช่องทางสนับสนุนเพิ่มเติม[24] รวมถึงจะมีการปรับปรุงต่อเติมอาคารสำนักงานเดิมของช่องนิว 18 ที่ซอยแบริ่ง 19 และตั้งชื่อใหม่ว่า "เจเคเอ็น เอ็มไพร์" ทั้งนี้ ทีมงานฝ่ายข่าวซึ่งอยู่ภายใต้ เจเคเอ็น นิวส์ ได้ย้ายไปทำงานที่เจเคเอ็น เอ็มไพร์ ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน ส่วนอาคารหลังเดิมที่ศาลายาจะยังใช้ถ่ายทำรายการบางส่วน จากนั้นในวันที่ 26 เมษายน เจเคเอ็นได้แจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทผู้รับใบอนุญาตของช่องนิว 18 จากดีเอ็น บรอดคาสต์ เป็น บริษัท เจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ จำกัด และปรับรูปแบบการประกอบธุรกิจแบ่งเป็น 2 แผนก แผนกหนึ่งคือการประกอบกิจการทีวีดิจิทัลช่องเจเคเอ็น 18 และอีกแผนกหนึ่งเป็นแผนกของการจำหน่ายสินค้า[25] และ เจเคเอ็นทีวี ได้ยุติการออกอากาศในวันที่ 30 เมษายน เพื่อควบรวมเนื้อหาเข้ากับช่องเจเคเอ็น 18[26]

วันที่ 5 พฤษภาคม ได้เริ่มออกอากาศรายการในผังใหม่ของเจเคเอ็น 18 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเน้นไปที่รายการข่าวจำนวน 55% ตามกฎ กสทช.[27] และวันนั้นตั้งแต่ 00:01 น. ได้เริ่มเปลี่ยนมาใช้ Interlude ของเจเคเอ็น 18[28][29][30][31] และหลังจาก กสทช. มีมติอนุมัติการเปลี่ยนชื่อช่องในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมแล้ว[32] วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 26 พฤษภาคม ทางสถานีจึงได้เปลี่ยนชื่อสถานีเป็น เจเคเอ็น 18 อย่างเป็นทางการ โดยการเปลี่ยนโลโก้ทางมุมบนขวาของจอโทรทัศน์ตั้งแต่เวลา 00:01 น.[33][34][35]

วันที่ 18 ตุลาคม จักรพงษ์ได้ประกาศแต่งตั้ง องอาจ สิงห์ลำพอง ซึ่งลาออกจากช่อง 8 ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของเจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เจเคเอ็น 18[36] หลังจากนั้นวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เจเคเอ็น เมตาเวิร์ส ในเครือเจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป ได้เข้าซื้อองค์กรนางงามจักรวาล ทำให้เจเคเอ็น 18 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของเจเคเอ็นเอง ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดการประกวดนางงามจักรวาลให้กับผู้รับชมในประเทศไทยไปโดยปริยาย โดยเริ่มตั้งแต่นางงามจักรวาล 2022 เป็นต้นไป[37]

เจเคเอ็น 18 บาย ท็อปนิวส์

ดูเพิ่ม: ท็อปนิวส์

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ได้ออกหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงการจ่ายหนี้หุ้นกู้บริษัทซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 ให้เฉพาะผู้ถือหุ้นบางส่วน ด้วยสาเหตุว่ากระแสเงินสดของบริษัทไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ในวันเดียวกัน มูลค่าหุ้นของบริษัทปรับลดตัวลงถึง 24% และลดต่ำลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันนั้น กระทั่งวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2566 มีกระแสข่าวว่า บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย จำกัด เจ้าของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท็อปนิวส์ ได้เจรจากับจักรพงษ์เพื่อเข้าซื้อกิจการสถานีโทรทัศน์เจเคเอ็น 18 ซึ่งเป็นช่องเดียวกับที่เคยมีกระแสข่าวว่ากลุ่มบุคลากรของท็อปนิวส์จะย้ายมาทำงานในช่วงปลายปี พ.ศ. 2563 โดยเข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่าประมาณ 500,000,000 บาท ซึ่งหากสำเร็จจะใช้ชื่อช่องว่า ท็อปนิวส์ 18[38] และปรากฎหลักฐานว่าจักรพงษ์ได้จำหน่ายหุ้นในบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ออกไปโดยไม่ปรากฎผู้ซื้อก่อนรับกลับเข้ามาถือหุ้นตามเดิม

ความสับสนในกรณีดังกล่าวทำให้ข่าวลือมีน้ำหนักมากขึ้น แต่แล้วจักรพงษ์ได้ปฏิเสธผ่านการแจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 กันยายน ว่าการเจรจาดังกล่าวเป็นการทำข้อตกลงในการผลิตรายการข่าวร่วมกันระหว่างเจเคเอ็น 18 กับท็อปนิวส์เท่านั้น โดยท็อปนิวส์จะเช่าช่วงเวลาในฐานะผู้เช่าตามสัดส่วนที่ กสทช. กำหนดเป็นระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน ไปจนกว่าใบอนุญาตของเจเคเอ็นจะหมดอายุ ในขณะที่เจเคเอ็นจะยังคงสถานะการเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์เจเคเอ็น 18 และยังคงทำรายการปกิณณกะเพื่อออกอากาศในสถานีต่อไปตามเดิม ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายของ กสทช. และประเด็นเรื่องการเปลี่ยนเจ้าของบริษัท[39]

ภายหลังกระบวนการเสร็จสิ้น ท็อปนิวส์ ประกาศยุติการออกอากาศทางดาวเทียมและจะย้ายไปออกอากาศทางทีวีดิจิทัลช่อง 18 ภายใต้ชื่อใหม่คือ เจเคเอ็น 18 บายท็อปนิวส์ ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน เป็นต้นไป และเจเคเอ็น 18 ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานฝ่ายข่าวเดิม รวมถึงฝ่ายข่าวเจเคเอ็น-ซีเอ็นบีซีทั้งหมด เพื่อเป็นการเคลียร์สล็อตเวลาให้กับท็อปนิวส์ ในขณะที่การออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียมอันเป็นช่องทางเดิมของท็อปนิวส์นั้น จะยังคงมีการออกอากาศต่อไปตามปกติ แต่จะเป็นการออกอากาศคู่ขนานจากช่องเจเคเอ็น 18 เท่านั้น และในบางรายการที่เป็นลิขสิทธิ์ของเจเคเอ็นเดิม ก็จะไม่ปรากฎการแพร่ภาพที่ช่องดาวเทียม โดยช่วงเวลาดังกล่าวสถานีจะเปิดรายการแนะนำสินค้าแทน

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจเคเอ็น 18 บาย ท็อปนิวส์ http://www.komchadluek.com/detail/20111010/111294/... http://www.komchadluek.com/ https://web.archive.org/web/20111009014406/http://... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business... http://www.bangkokbiznews.com/ http://www.dailynews.co.th/article/224/19216 http://www.dailynews.co.th/ http://www.dailynews.co.th/entertainment/219278 https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=161533... https://www.dataforthai.com/company/0105554122565/...